วันนี้ Joyrawee จะมาแนะนำพืชอีกชนิดหนึ่งซึ่งเกิดอยู่ในสวนหลังบ้าน บางท่านอาจจะค้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่บางท่านอาจจะยังไม่รู้จักหรืออาจจะเคยเห็นมาบ้างแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าเจ้าพืชชนิดนี้คืออะไร ไปดูกันเลย!
กลอย (Asiatic bitter yam)
มีชื่ออื่นๆ ว่า มันกลอย กลอยข้าวเหนียว กลอยไข่ กลอยนก กอย กลอยข้าจ้าว ว่านกลอยจืด กลอยหัวช้าง กลอยระกำ คลี้ กลอยหัวเหนียว เป็นต้น
เป็นพืชในวงศ์ Dioscoreaceae สกุล Dioscorea พบมากในบริเวณเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เช่น แอฟริกา อเมริกากลาง หมู่เกาะแปซิฟิก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย จีนตอนใต้ นิวกินีและไทยพบทั่วทุกภาค ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและหัวที่อยู่ใต้ดิน
เป็นไม้เถาล้มลุกเจริญเลื้อยพันธุ์ต้นไม้อื่น ไมมีมือเกาะ มีหัวใต้ดิน ลำต้นกลมมีหนามเล็กๆ กระจายทั่วไปและมีขนนุ่มๆ สีขาวปกคลุม มีรากเจริญเป็นหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน
ใบเป็นใบประกอบเรียงตัวแบบเกลียว ผิวใบสากมือ มีขนปกคลุม มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางแผ่นใบรูปรีแกมขอบขนาน ปลายเรียวแหลม โคนแหลม ขอบใบเรียบ เส้นใบนูน ใบย่อย 2 ใบ แผ่นใบรูปไข่ รูปไข่กลับ ขนาดสั้นกว่าใบกลางแต่กว้างกว่า ปลายแหลม โคนกลม เส้นใบออกจากจุดเดียวกัน
หัวใต้ดินส่วนมากกลมรีบางทีเป็นพู มีรากเล็กๆ กระจายทั่วทั้งหัว มี 3-5 หัวต่อต้น เปลือกหัวบางสีน้ำตาลออกเหลือง เนื้อในหัวมี 2 ชนิด คือ สีขาว (กลอยหัวเหนียว) และสีครีม (กลอยไข่ กลอยเหลือง)
ดอกออกเป็นช่อแบบแยกแขนง แยกเพศอยู่คนละต้น ดอกย่อยมีขนาดเล็กจำนวน 30-50 ดอก สีเขียว ออกตามซอกใบห้อยลง ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อแยกแขนง 2-3 ชั้น ดอกตั้งขึ้น ยาวได้ถึงประมาณ 40 ซม. เกสรตัวผู้จำนวน 6 อัน ดอกเพศเมีย ออกเป็นช่อชั้นเดียว ดอกชี้ลงดิน กลีบเลี้ยงและกลีบดอฏอย่างละ 6 กลีบ เรียงเป็น 2 วง
ผลแก่แตกได้ มีสีน้ำผึ้ง มีครีบ 3 ครีบ คล้ายมะเฟือง แต่ละครีบมี 1 เมล็ด ผิวเกลี้ยงเมล็ดกลมแบน มีปีกบางใสรอบเมล็ดช่วยในการปลิวลอยไปกับลมได้
ประโยชน์ หัวสามารถรับประทานได้แต่ต้องล้างให้สะอาดและทำให้สุกก่อน หัวกลอยให้แป้งมากแต่มีสารไดออสคอรีนมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางซึ่งอาจทำให้ถึงตายได้ ทำให้เมา คันคอ เหงื่อออก อาเจียน ตาพร่า วิงเวียน ใจสั่น ต้องนำมาทำให้หมดพิษโดยปอกเปลือกทิ้ง แล้วหั่นเป็นแผ่นบางๆ ใส่ชะลอมหรือตะกร้าแล้วนำไปแช่ทิ้งไว้ให้น้ำไหลผ่านเช่น น้ำตก น้ำห้วย น้ำทะเล สัก 2-3 วัน ล้างให้สะอาดแล้วนำไปนึ่ง หรือนำไปต้มในน้ำเกลือโดยต้องเปลี่ยนน้ำล้างหลายๆ หนเพื่อให้สารพิษออกใ้หมดแล้วจึงนำไปรับประทานได้ ด้านสมุนไพร หัวใต้ดินหั่นเป็นแผ่นบางๆ ปิดบริเวณที่มีอาการบวมอักเสบ แก้เถาดาน (อาการแข็งเป็นลำในท้อง) หุงเป็นน้ำมันใส่แผล กัดฝ้า กัดหนอง หัวแห้งปรุงเป็นยาแก้น้ำเหลืองเสีย ขับปัสสาวะ แก้ปวดตามข้อ ฝีมะม่วง โรคซิฟิลิส รากบดผสมกับน้ำมันมะพร้าวใบยาสูบใบลำโพงหรือพริกใช้ทาหรือพอกฆ่าหนอนในแผลสัตว์เลี้ยงได้ เป็นต้น